ก่อนตัดสินใจลงทุนในโรงงานน้ำดื่มขนาดเล็ก ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจภาพรวมตลาด ต้นทุนการก่อสร้างและจัดซื้อเครื่องจักร ขั้นตอนทางกฎหมายและการขออนุญาต รวมถึงกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ ตลอดจนการทำตลาดและคาดการณ์ผลตอบแทนอย่างรอบด้าน ทั้งนี้เพื่อให้การลงทุนคุ้มค่า ลดความเสี่ยง และรับมือกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
ตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่า 25.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตถึง 40.33 พันล้านดอลลาร์ฯ ภายในปี 2032 ที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.79 ต่อปี
ขนาดของตลาดน้ำดื่มขนาดเล็ก (0.5–1 ลิตร) คาดว่าจะเติบโตที่อัตราร้อยละ 7.2 ระหว่างปี 2025–2030 จากแนวโน้มผู้บริโภคเน้นพกพาสะดวกและบริโภคระหว่างทำกิจกรรมประจำวัน
ธุรกิจน้ำดื่มขนาดเล็กแข่งขันสูง ทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างชาติ ควรหาจุดขายเฉพาะ เช่น น้ำแร่ น้ำดื่มพลังงาน หรือน้ำดีท็อกซ์เพื่อสร้างความแตกต่าง
ต้นทุนในการก่อสร้างโรงงานและระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล อยู่ในช่วง 2–5 ล้านบาท ขึ้นกับขนาดโรงงานและสภาพพื้นที่
หากขอรับสิทธิ์ส่งเสริมการลงทุนจาก BOI อาจได้รับส่วนลดค่าภาษีและสิทธิประโยชน์ด้านที่ดินและสาธารณูปโภค
เครื่องกรองน้ำ (RO + Carbon + UF) ราคาประมาณ 7–1.5 แสนบาท ขึ้นกับกำลังการผลิตต่อชั่วโมง
เครื่องล้าง–บรรจุ–ปิดฝาขวด (Filling Line)
ระบบบรรจุกล่องและตกแต่งฉลาก (Labeling & Packaging)
ยื่นคำขอจัดตั้งโรงงานและส่งตัวอย่างน้ำดิบให้ อย. วิเคราะห์คุณภาพ
ออกแบบ Layout โรงงานตามหลักสุขอนามัย พร้อมกรอกแบบฟอร์มและเอกสารขอใบสำคัญการขึ้นทะเบียน อย. (อย. 9/1)
หลังติดตั้งเครื่องจักร ร้องขอการตรวจสอบพื้นที่และคุณภาพน้ำเพื่อรับใบอนุญาตผลิตน้ำดื่ม (อย. 9/2)
หากใช้กำลังไฟฟ้าเกิน 5 แรงม้า หรือมีพนักงานเกิน 7 คน ต้องขึ้นทะเบียนโรงงานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมผ่านการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม
รับน้ำดิบ: แหล่งน้ำบาดาล / น้ำประปา ผ่านระบบกรองหยาบ
การกรองละเอียด: ใช้ระบบ RO, Carbon, UF เพื่อลดสารเคมีและเชื้อจุลินทรีย์
ฆ่าเชื้อ: ใช้ UV หรือโอโซนเพิ่มความปลอดภัย
บรรจุขวด: เครื่องล้าง–บรรจุ–ปิดฝาอัตโนมัติ
ตรวจสอบคุณภาพ: วัดค่า pH, TDS, สี กลิ่น รส ตามมาตรฐาน อย.
ติดฉลาก–บรรจุกล่อง–จัดเก็บ
จัดทำ HACCP และ GMP เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน อย. และส่งเสริมความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ทำโปรโมชั่นจุดขาย (USP) เช่น น้ำแร่ หรือน้ำพลังงาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุขภาพ
ใช้ช่องทางออนไลน์ (e-commerce, social media) ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่
รูปแบบการขายปลีก (ร้านค้าสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต) และขายส่ง (ร้านอาหาร, โรงแรม, องค์กร)
ระบบโลจิสติกส์ต้องวางแผนเส้นทางกระจายสินค้าให้รวดเร็ว ป้องกันการตกค้าง
ระยะเวลาคืนทุน 2–3 ปี เมื่อมียอดขายประมาณ 5,000–10,000 ขวดต่อวัน กำไรสุทธิร้อยละ 10–15 ต่อหน่วย
เตรียมแผนสำรองน้ำดิบกรณีแล้ง
ทำประกันอุปกรณ์เครื่องจักร
ปรับกลยุทธ์หากราคาวัตถุดิบ (บรรจุภัณฑ์, ขวด PET) ผันผวน
หมายเหตุ: ตัวเลขและรายละเอียดต้นทุนเป็นการประมาณการเบื้องต้น ผู้ลงทุนควรสำรวจตลาดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนดำเนินการจริงเพื่อข้อมูลที่แม่นยำที่สุด